ข่าวประชาสัมพันธ์ - Press Release
ฟังข่าวนี้
ภูเก็ต 5 ธันวาคม 2565 – ระเบิดศึกเรือใบใหญ่วันแรก การแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าครั้งที่ 34 ประจำปี 2565 ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเป็นทั้งวันชาติและวันพ่อแห่งชาติของประเทศไทย โดยมีทีมเรือไทยลงแข่งขัน 3 รุ่นได้แก่ รุ่นไออาร์ซี 0 เรือ TH72 ของกัปตันเควิน วิทคราฟต์, รุ่นไออาร์ซี 1 เรือ Hanuman XXXIX ของกัปตันมอร์เท็น จาคอบเซน และ รุ่นพรีเมียร์ เรือ Pine Pacific ของกัปตันอิทธินัย ยิ่งศิริ
ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าปีนี้มีเรือใบใหญ่ทั้งประเภทคีลโบ้ตและมัลติฮัลล์แข่งขันรวม 5 รุ่น ได้แก่ ไออาร์ซี 0, ไออาร์ซี 1, พรีเมียร์, ครูซิ่ง, และมัลติฮัลล์ รวมจำนวน 17 ลำ
การแข่งขันวันแรก เรือของกัปตันเควิน วิทคราฟต์ ทำผลงานเยี่ยม ขึ้นนำตารางตั้งแต่วันแรก อนุสรณ์ งามริต Mid Bow แห่งทีมเรือ TH72 เล่าว่า “การแข่งวันนี้ลมดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสูงสุด 15 -16 นอต จากการแข่งทั้ง 3 รอบ โดย 2 รอบแรกเข้าที่ 1 ส่วนรอบ 3 เข้าทีหลังเพียงไม่กี่วินาที และแม้จะมีเวลาเตรียมตัวไม่มากในปีนี้ แต่เนื่องจากทีมเรือของเราเป็นทีม TP52 ของไทยที่ไปแข่ง Super Series ที่ยุโรป จึงเล่นเข้าขากันได้ง่าย ถ้าเปรียบเทียบกับทีมคู่แข่งอย่างเรือ Team Hollywood จากออสเตรเลีย เรียกว่าเราเล่นได้ดีใกล้เคียงกันมาก เพียงแค่ทีมเราแก้ไขสถานการณ์ได้เร็วกว่า และก็มั่นใจกว่า 90% ที่จะคว้าแชมป์ได้ในปีนี้ โดยการแข่งขันวันแรกปีนี้ยังเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9 ทำให้ทีมเรือไทยยิ่งตั้งใจมากขึ้น เพราะเราต่างตระหนักดีว่าเรือใบเป็นกีฬาที่ในหลวง ร.9 ทรงโปรด และเหตุผลสำคัญที่เราเล่นเรือใบก็เพราะเรารักพระองค์และซาบซึ้งในทุกสิ่งที่พระองค์ทำไว้ให้คนไทย เราจึงต้องการตามรอยและสานต่อปณิธานของท่าน เพื่อรักษากีฬาเรือใบให้อยู่คู่ประเทศไทยต่อไป”
ฝ่ายกัปตันอิทธินัย ยิ่งศิริ เจ้าของเรือ Pine Pacific รั้งตำแหน่งที่ 2 รุ่นพรีเมียร์ในวันแรก กล่าวถึงการแข่งขันวันนี้ว่า “เราเริ่มการแข่งขันด้วยสภาพลมแรงราว 16-17 นอต คอร์สการแข่งขันยังเป็นแบบทางไกลระยะ 27 ไมล์ทะเล อ้อมเกาะแก้วไปจนถึงเกาะเฮย์ โดยในช่วงวกกลับลมแรงเกือบ 20 นอต ซึ่งสภาพลมดีและคอร์สทางไกลแบบนี้เข้าทางทีมคู่แข่งคือเรือ Shahtoosh มากกว่า เพราะเค้าเป็นเรือใหญ่ซึ่งเก็บลมและแล่นได้เร็วกกว่าเรา โดยเฉพาะวันนี้ เรือเรายังมีปัญหาใบเรือขาด แต่ก็พยายามสู้ให้จบเกมจนได้ แต่เมื่อดูจากพยากรณ์อากาศแล้วในช่วงวันต่อ ๆ ไป ลมน่าจะเบาลง มีโอกาสที่จะได้เล่นคอร์สระยะสั้นแบบเหนือลม-ใต้ลม ซึ่งเราน่าจะได้เปรียบมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็อยู่ว่ากรรมการจะเลือกคอร์สแบบไหนด้วย ปีนี้จึงมีลุ้นชนะสูงเหมือนกันโดยเราเราหวังไว้ 60% เพราะคู่แข่งก็เป็นทีมนี้ก็ผลัดกันแพ้-ชนะกับเรามาตลอด แต่เหนืออื่นใด การได้มาแข่งขันในรายการนี้คือเหตุผลสำคัญที่สุด เพราะทีมเรือของผมแข่งขันในภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้ารายการเดียวเท่านั้น เรียกว่าไม่ยอมพลาดรายการนี้เด็ดขาด แม้ปีนี้จะประกาศจัดการแข่งขันค่อนข้างกระทันหัน ทำให้เรามีเวลาตรวจสอบสภาพเรือค่อนข้างน้อย แต่เรามั่นใจในทีมลูกเรือที่มีมืออาชีพหลายคนจากหลายชาติ ทั้งจากไทย อังกฤษ โปรตุเกส สเปน และฝรั่งเศส ซึ่งทุกคนทุ่มเทมาก ยิ่งมีปัญหาท้าทาย ยิ่งพยายามมากขึ้น และผมขอให้คนไทยเป็นกำลังใจให้ทีมเรือไทยทุกทีมในปีนี้ครับ”
ส่วนอีกหนึ่งทีมเรือไทยในรุ่นไออาร์ซี 1 ของกัปตันมอร์เท็น จาคอบเซน แห่งเรือ Hanuman XXXIX ทำผลงานเป็นอันดับ 2 เช่นกันในวันแรก
นอกจากรายการแข่งขันเรือใบใหญ่ วันที่ 5 ธันวาคมยังเป็นการแข่งขันวันที่ 3 ของการแข่งขันเรือใบเล็ก อินเตอร์เนชั่นแนล ดิงกี้ คลาส โดยในวันนี้จัดการแข่งขันได้ครบ 3 รอบตามที่วางแผนไว้ โดยในรุ่นออพติมิสต์ชายวันนี้ ชนาธิป ทองกล่ำ กลับมาขึ้นนำตารางได้สำเร็จ ในขณะที่ออพติมิสต์หญิง ปริญ ทรัพย์ยิ่ง ยังคงรั้งผู้นำต่อเนื่อง รุ่นไอแอลซีเอ 4 โอเพ่น ผู้นำคือไอแซค โกห์ รุ่นไอแอลซีเอ 6 โอเพ่น ตกเป็นของ คู แซคารี และรุ่นไอแอลซีเอ 7 โอเพ่น ผู้นำยังเป็นประกาศิต หงส์ประดับ ของไทยเช่นเดียวกับวานนี้ ส่วนรุ่นโอเพ่นสกิฟฟ์ ตกเป็นของอนันดี ชานดาวาร์คาร์ จากอินโดนีเซีย สำหรับเรือแบบ Double handed ทั้ง 420 และ 470 นักกีฬาไทยยังคงครองตำแหน่งผู้นำตารางเหนียวแน่น ทั้งทีมของ ปาลิกา พูนพัฒน์ และ จักรภัทร วิริยะกิตติ และทีมของ นาวี ธรรมสุนทร และ ปณิดา สุขสมพร ตามลำดับ
การแข่งขันเรือใบชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ดำเนินการโดยคณะกรรมการจัดงานการแข่งขันเรือใบภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ภายใต้การอำนวยการของสโมสรเรือใบราชวรุณ โดยการสนับสนุนจากกองทัพเรือ สมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย และจังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้สนับสนุนการจัดงานคือ กะตะ กรุ๊ป รีสอร์ท, อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และ เวิร์กฟอร์ซ อินเตอร์เนชั่นแนล
แสดงความคิดเห็น :