ชอบหน้านี้?

ข่าวราชการ, รัฐวิสาหกิจ - รมว.เฮ้ง สั่ง กสร.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกจ้างโพสต์ใช้สิทธิลางานศพถูกเลิกจ้าง

ข่าวประชาสัมพันธ์ - Press Release


ข่าวราชการ, รัฐวิสาหกิจ - รมว.เฮ้ง สั่ง กสร.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกจ้างโพสต์ใช้สิทธิลางานศพถูกเลิกจ้าง
ข่าวราชการ, รัฐวิสาหกิจ - รมว.เฮ้ง สั่ง กสร.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกจ้างโพสต์ใช้สิทธิลางานศพถูกเลิกจ้าง
5.8K เปิดอ่าน

ฟังข่าวนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกจ้างโพสต์ลาไปงานศพพ่อ 8 วัน ถูกเลิกจ้าง หากจริงยืนยันให้ความช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึง กรณีลูกจ้างโพสต์ข้อความในสื่อออนไลน์ว่า ลาไปงานศพพ่อ 8 วัน ถูกนายจ้างเชิญออก ระบุว่าขาดงานหลายวัน ทำงานมาประมาณ 7 เดือน โดยไม่จ่ายค่าชดเชยให้ ผมจึงได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างพนักงานตรวจแรงงานประสานเพื่อขอข้อมูลและข้อเท็จจริงจากผู้โพสต์ หากพบว่าเป็นความจริงยืนยันให้ความช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายเต็มที่

ด้าน นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน และให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในวันลากิจเพื่อกิจธุระอันจำเป็น เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกิน 3 วันทำงาน ซึ่งการลากิจธุระอันจำเป็นเป็นสิทธิพื้นฐานที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดสิทธิให้ลูกจ้างทุกประเภทมีสิทธิลากิจได้ การลากิจธุระอันจำเป็น หมายถึง กรณีที่ลูกจ้างมีกิจธุระอันจำเป็นต้องดำเนินการด้วยตนเอง หรือของครอบครัว เช่น จัดการงานศพบุคคลในครอบครัว ทำบัตรประชาชน เป็นต้น ดังนั้น หากลูกจ้างจะต้องลาไปจัดการศพของบิดาที่ต่างจังหวัด ย่อมถือเป็นกิจธุระอันจำเป็นที่ลูกจ้างสามารถใช้สิทธิลาได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม และเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างด้วย หากนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบกิจการ/ลูกจ้าง มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองคุ้มครองแรงงาน โทร. 0 2660 2069 – 71 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546

ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้จัดทำโดย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นสมาชิกเว็บไซต์ของเรา ความคิดเห็นของผู้เขียนและเนื้อหาที่แบ่งปันในหน้านี้ถือเป็นความคิดเห็นของตนเอง และอาจไม่จำเป็นต้องแสดงถึงมุมมองของ นิวส์ไวร์ ประเทศไทย


แสดงความคิดเห็น :